มีประเด็นมาให้พูดถึงกันอีกแล้ว นั้นคือเรื่องของสนามที่จะใช้ในการฝึกซ้อมก่อนการแข่งขันฟุตบอลซีเกมส์ที่ ประเทศเวียดนาม เนื่องจากทีมฟุตบอลชายของ เมียนมาร์ ได้ใช้สนาม ตาม หน่อง ฝึกซ้อมซึ่งอยู่ห่างจากสนามที่ใช้แข่งขันถึง 20 กิโลเมตร มิหนําซ้ํา สภาพสนามแทบจะไม่มีพื้นหญ้าเขียวๆเลยหรือจะเรียกสนามดินเลยก็ว่าได้
ด้านของ ทีมชาติอินโดนีเซีย ที่อยู่ในสายเดียวกับ เวียดนาม พวกเขาได้สนามซ้อมที่มีใบหญ้าที่ใหญ่แถมยาวซะด้วย ซึ่งแน่นอนว่าจะไม่เหมือนกับหญ้าในสนามแข่งขันจริง
ทีมชาติไทย เรานั้นได้ใช้สนาม นัม ดินห์ ในการฝึกซ้อมซึ่งถือว่าเป็นสนามเปิดเลยก็ว่าได้เนื่องจากรอบๆบริเวณสนามมีเพียงแค่ตาข่ายล้อมรอบเท่านั้น แถมยังให้สื่อและคนนอกเข้ามาดูการฝึกซ้อมได้ด้วย ซึ่งตรงข้ามกับทีมเจ้าภาพอย่าง เวียดนาม ที่ใช้สนามซ้อมแบบปิดมิดชิดและที่สำคัญยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยเฝ้าระวังไม่ให้ใครเข้ามาได้ ต้องบอลเลยว่าลับจริงๆ
ยังทันจะเริ่มแข่งขันเลยด้านเจ้าภาพก็งัดแทคติกออกมาใช้ซะแล้ว เมื่อพวกเขาได้ใช้วิธีที่แปลกใหม่มาใช้ในการจับฉลากฟุตบอลชายซีเกมส์ ในรอบแรก โดยนับจากผลงานที่ผ่านมา มาจัดอันดับทีมวาง
ทำให้ทีมฟุตบอลชาย ประเทศเวียดนาม (เจ้าภาพ) เป็นทีมวางใน สาย เอ ซึ่งจะไม่ได้เจอกับ ทีมชาติไทย อย่างแน่นอน ทัพช้างศึก ที่เคยคว้าเหรียญทองได้ถึง 7 สมัย ถูกจัดให้เป็นทีมวางในสาย บี
ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีเลยทีเดียวที่ ทีมชาติไทย นั้นอยู่คนละกลุ่มกับทีม ชาติเวียดนาม (เจ้าภาพ) แต่มันก็แสดงถึงความหวาดกลัวของพวกเขาที่จะเจอกับทัพ ช้างศึก หากมองกลับไปเมื่อปี 2017 พวกเราเคยเขี่ยให้พวกต้องตกรอบตั้งแต่รอบแรกมาแล้วด้วย
นี่ก็เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่ถูกพูดถึงของทัพนักฟุตบอลชายของ ทีมชาติไทย ที่โดนแทคติกของทางด้านเจ้าภาพวางโปรแกรมการแข่งขันให้เจองานหินถึงสองแมตช์ติด อย่าง ทีมชาติสิงคโปร์ และ ทีมชาติมาเลเซีย ในสองเกมแรก
เป็นที่ทรายกันดีว่าทัพนักกีฬาของไทยเรานั้นต้องเผชิญหน้ากับปัญหาในการเตรียมทีมเพื่อลุยฟุตบอล ซีเกมส์ ในครั้งนี้ โดยเฉพาะเรื่องของการขาดนักเตะตัวหลักหลายคนและยังมีเวลาเก็บตัวเพียงแค่หนึ่งวันก่อนเดินทางไปที่ ประเทศเวียดนาม หากเปรียบเทียบความพร้อมกับชาติอื่นเราเป็นรองอย่างแน่นอน
หากมองไปที่โปรแกรมการแข่งนั้นก็แทบจะไม่เป็นใจกับพวกเราสักเท่าไหร่ ในเกมนัดแรกที่พบกับ ทีมชาติมาเลเซีย เราก็พลาดท่าแพ้ไป 2-1 ซึ่งทีมชาติไทยมาโดนใบแดงก่อนจะถูกรัวแซงในช่วงครึ่งหลัง ส่วนเกมที่สองนั้น ช้างศึก ก็สามารถผ่านมาได้ด้วยการเอาชนะ ทีมชาติสิงคโปร์ 5-0 ซึ่งทั้งสองเกมดังกล่าวใช้ระยะห่างกันเพียง 2 วันเท่านั้น และ 3 นัดที่เหลือก็น่าจะไม่ใช่งานง่ายสำหรับพวกเราสักเท่าไหร่