Tel : 098-7654307 ถึง 9 LINE ID : @support24hr

บทสรุป End game รายการพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2018-2019

End game premier league

หลังจากขับเคี่ยวกันมาอย่างยาวนานของรายการแข่งขันฟุตบอลลีกสูงสุดชั้นนำของแต่ละประทศ ก็จะมีพรีเมียร์ลีกของอังกฤษ ที่ลุ้นแชมป์กันถึงนัดสุดท้ายระหว่างหงส์แดงกับเรือใบสีฟ้าและบุนเดสลีกาของเยอรมัน ที่ลุ้นแชมป์กันระหว่างเสือเหลืองกับเสือใต้ โดยนัดสุดท้ายของรายการพรีเมียร์ลีกคือนัดที่ 38 แข่งพร้อมกันทุกคู่วันอาทิตย์ที่ 12 พ.ค. เวลา 3 ทุ่ม ลิเวอร์พูล(อันดับ 2)จะเปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของวูล์ฟแฮมตัน(อันดับ 7) โดยเงื่อนไขการเป็นแชมป์ก็คือลิเวอร์พูลต้องชนะในเกมนี้ละต้องภาวนาใช้แมนเชสเตอร์ซิตี้(อันดับ 1)ต้องไม่ชนะกับการไปเยือนไบร์ตัน(อันดับ 17) ที่รอดจากการตกชั้นแน่นอนแล้ว เพราะทีมที่ต้องไปเล่นในถ้วยแชมเปี้ยนชิพ คือ คาร์ดิฟ ซิตี้ ,ฟูแล่ม และฮัดเดอร์ฟิลด์ทาวน์ ซึ่งผลบอลเป็นอย่างไรนักแทงบอลทั้งหลายคงรู้ดีอยู่แล้ว ส่วนนัดสุดท้ายของรายการบุนเดสลีกา(นัดที่ 34)จะแข่งพร้อมกันวันเสาร์ที่ 18 พ.ค. เวลา 3 ทุ่มครึ่ง โดยโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์(อันดับ 2) จะไปเยือนโบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค(อันดับ 4 ที่ต้องชนะเพื่อการันตีการได้ไปเล่นบอลถ้วยยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก) ส่วนอีกคู่คือบาเยิร์นมิวนิค(อันดับ 1)เปิดบ้านเจอกับไอทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต(อันดับ 6 ยังมีลุ้นได้ไปเล่นบอลถ้วยยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก) โดยเงื่อนไขการเป็นแชมป์ของดอร์ทมุนด์ก็คือ ต้องชนะมึนเช่นกลัดบัค และบาเยิร์นมิวนิคต้องแพ้แฟร้งเฟิร์ตเท่านั้น

เรามาดูบทสรุป End game ของรายการพรีเมียร์ลีกกันดีกว่า

score

1.แมนเชสเตอร์ซิตี้สามารถป้องกันแชมป์ได้อีกครั้ง หลังจากฤดูกาลที่แล้วเป็นแชมป์ถ้วยนี้ที่คะแนนถึง 100 แต้ม โดยครั้งนี้ได้ 98 แต้ม ซึ่งการเป็นแชมป์ว่ายากแล้วแต่การป้องกันแชมป์นั้นยากกว่า แต่ลูกทีมเรือใบสีฟ้าก็ทำได้ภายใต้การคุมทีมของเป๊ป กวาร์ดิโอล่า

2.ลิเวอร์พูลเป็นรองแชมป์ที่ 97 คะแนน นับว่าเป็นคะแนนที่สูงมาก โดยทีมที่เป็นแชมป์ที่ผ่านมาส่วยใหญ่ยังได้คะแนนไม่เท่านี้เลย โดยฤดูกาลนี้ลิเวอร์พูลแพ้เพียง 1 นัดเท่านั้น (แพ้ให้กับแมนเชสเตอร์ซิตี้นั่นแหละ) และเสมอ 7 นัด หากเปลี่ยนจากนัดที่เสมอเป็นชนะสักแมตช์เดียวหรือไม่แพ้ให้กับเรือใบสีฟ้า ก็ต้องได้เป็นแชมป์แน่นนอนหลังจากที่รอคอยกันมาถึง 29 ปี

3.ผู้ที่ได้รับรางวัลรองเท้าทองคำ หรือดาวซัลโวมีถึง 3 คน คือ  โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ ซาดิโอ มาเน่ ปิแอร์ เอเมอริก โอบาเมยอง จากอาร์เซนอล โดยยิงกันไปคนละ 22 ประตู (นัดสุดท้ายมาเน่และโอบาเมยองยิงกันไปคนละ 2 ประตู)

4.ผู้ที่ได้รับรางวัลคลีนชีตหรือถุงมือทองคำ คือ อลิสสัน เบ็กเกอร์ ผู้รักษาประตูของ ลิเวอร์พูล ทำผลงานไม่เสียประตูเลยถึง 22 นัด โดยเฉือนเอาชนะ เอแดร์สัน ผู้รักษาประตูของ แมนเชสเตอร์ซิตี้ ไปเพียง 1 เกม เนื่องจากในนัดสุดท้ายเอแดร์สันมีการเสียประตูนั่นเอง

  1. แอสซิสต์ สูงสุด ก็คือ เอเดน อาซาร์ นักเตะคนเก่งของเชลซี ทำได้ถึง 15 แอสซิสต์ โดยมีข่าวว่ารีลมาดริดสนใจนักเตะรายนี้อยู่
  2. รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี ตกเป็นของเฟอร์จิล ฟาน ไดค์ กองหลังทีมชาติเนเธอร์แลนด์ของลิเวอร์พูล อีกครั้งหลังจากปีที่แล้วก็ได้รางวัลนี้ ด้วยผลงานการเล่นอย่างยอดเยี่ยมทั้งในด้านการป้องกัน การวางบอลยาว และการทำประตูซึ่งเป็นคีย์แมนสำคัญที่ช่วยให้ทีมมีผลงานดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
  3. ผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของพรีเมียร์ลีก ตกเป็นของเจอร์เก้น คล็อปป์ แม้ว่าจะไม่ได้แชมป์พรีเมียร์ลีกก็ตามแต่ก็พาทีมทะยายมาได้ไกลถึงรองแชมป์ที่ 97 แต้ม ด้วยผลงานการคุมทีมที่ดุดัน และยังมีลุ้นอีกหนึ่งถ้วยก็คือยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกที่ด้องชิงชนะเลิศกับสเปอร์ในวันที่ 1 ก.ค.นี้ที่สเปน

8.ทีมตกชั้นไปถ้วยแชมเปี้ยนชิพก็คือทีมที่เพิ่งขึ้นมาก็คือ ฮัดเดอร์สฟิลด์, ฟูแล่ม และ คาร์ดิฟฟ์ นั่นเอง

9.ส่วนทีมที่จะเลื่อนชั้นขึ้นมาอย่างแน่นอนแล้วก็คือ นอริช, เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด และอีก 1 ทีม รอผลจากการแข่งเพลย์ออฟกันอยู่ระหว่าง แอสตัน วิลล่า vs เวสต์บรอมวิช , ดาร์บี้ vs ลีดส์ โดยผู้ชนะของแต่ละคู่ต้องมาชิงกันเพื่อเลื่อนชั้นกันในวันที่ 27 พ.ค.นี้ตอน 3 ทุ่ม

10.ทีมที่ได้โควต้าไปเล่นในฟุตบอลยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก(UCL)รอบแบ่งกลุ่ม คือ แมนฯซิตี้, ลิเวอร์พูล, สเปอร์, เชลซี ส่วนอาร์เซน่อลมีสิทธิ์ที่จะได้เล่นถ้วย UCL รอบแบ่งกลุ่มนี้เช่นกัน หากได้แชมป์ถ้วยยูโรป้า ส่วนทีมที่ได้โควตาไปเล่นในฟุตบอลถ้วยยูโรป้าลีก คืออาร์เซน่อลและแมนยู(โดยแมนยูต้องไปเล่นในรอบคัดเลือกรอบ 2) แต่ยังมีเงื่อนไขอีกว่า หากทีมเรือใบสีฟ้าคว้าแชมป์ F.A.CUP (แข่งกับวัตฟอร์ด) ก็จะส่งผลให้ทีมปีศาจแดงได้เข้าไปเล่นในถ้วย UCL รอบแบ่งกลุ่มได้ทันที โดยวัตฟอร์ตจะได้เข้าไปเล่นในรอบคัดเลือกแทน แต่หากวัตฟอร์ดเป็นฝ่ายเป็นแชมป์ถ้วย F.A.CUP ก็จะทำให้ทีมแตนอาระวาดนี้ได้สิทธิ์เข้าไปเล่นในถ้วย UCL รอบแบ่งกลุ่มได้เช่นกัน

11.นัดสุดท้ายทีมปีศาจแดงพ่ายแพ้ให้กับทีมที่ตกชั้นอย่างคาร์ดิฟ ด้วยสกอร์ 0:2 ซึ่งทำให้ 6 นัดหลังสุดแพ้ไปถึง 4 เสมอ 2 เป็นผลงานที่ย่ำแย่อย่างยิ่งสร้างความผิดหวังให้แก่แฟนบอลเป็นอย่างมาก โดยนับตั้งแต่ได้เซนต์สัญญาให้โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ คุมทีมอย่างเป็นทางการ ผลงานของทีมก็ตกต่ำลงเรื่อยๆจนหมดสิทธิ์ที่จะได้ไปได้โควต้าไปเล่นในถ้วยยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก โดยในฤดูกาลหน้านี้คงต้องมีการผ่าตัดทีมใหม่อย่างแน่นอน

liverpool

ลิเวอร์พูลกวาดหลายรางวัลแต่ไม่ได้แชมป์พรีเมียร์ลีก

แม้ว่าในฤดูกาลนี้ทีมลิเวอร์พูลจะทำผลงานได้ทีได้แต้มถึง 97 แต้มและแพ้เพียงแค่หนึ่งนัด โดยในนัดสุดท้ายแฟนทีมหงส์แดงได้เฮก่อนโดยยิงนำวูล์ฟก่อน 1:0 และเรือใบสีฟ้าก็โดนนำก่อนจากไบร์ทตั้น 1:0 ซึ่งสร้างความดีใจกับแฟนบอล THE KOP ทั่วโลก หลังจากนั้นในนาทีต่อมาแมนเชสเตอร์ซิตี้ก็ตีเสมอได้ทันที และก็คุมเกมไว้ได้ทั้งหมดจนยิงแซงกลับมาชนะที่ 4:1 ฉะนั้นแล้วแม้ว่าปีนี้ลิเวอร์พูลจะมีผลงานที่ยอดเยี่ยม โดยกวาดทั้งรางวัลนักเตะยอดเยี่ยม คือ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ,รางวัลดาวซัลโว คือ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ ซาดิโอ มาเน่ ,รางวัลคลีนชีต คือ อลิสสัน เบ็กเกอร์ และรางวัลผู้จัดการทีมยอดเยี่ยม คือ เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็ตามแต่ลิเวอร์พูลก็ไม่ได้แชมป์รายการพรีเมียร์ลีก เนื่องจากเหนือฟ้าก็ยังมีฟ้าก็คือแมนเชสเตอร์ซิตี้นั่นเอง โดย ณ ตอนนี้ยังเหลืออีกหนึ่งรายการสำคัญที่ต้องลุ้นก็คือ ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก ซึ่งแฟนหงส์แดงและนักเตะเองต้องการแชมป์ถ้วยนี้เป็นอย่างมาก ซึ่งถ้าหากพลาดท่าแพ้คู่ชิงชนะเลิศอย่างสเปอร์แล้วล่ะก็ ลิเวอร์พูลก็จะได้ดับเบิ้ลรองแชมป์ซึ่งคงไม่อยากให้เป็นเช่นนั้นแน่นอน ส่วนฤดูกาลหน้าคงต้องว่ากันใหม่และเชื่อได้เลยว่าทีมเต็งอันดับต้นๆต้องเป็นลิเวอร์พูลและแมนเชสเตอร์ซิตี้เช่นเคยและคงต้องขับเคี่ยวเพื่อลุ้นแชมป์กันอย่างตื่นเต้นไม่แพ้ฤดูกาลนี้อย่างแน่นอน